เรื่องเล่าจาก เทป ซีดี และแผ่นเสียง 1 - Introduction
ตนตรี เพลง เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึง ตัวตนทางวัฒนธรรม (cultural identity) ของเรา และการฟังเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซีดี เทป ก็ถือว่าเป็นพีธีกรรม (ritual) ในการฟังเพลงอย่างหนึ่ง ที่สร้างและยังทำให้ชีวิตทั้งทางสังคม อารมณ์ และปัญญาของตัวผู้เขียนเอง ยังดำเนินต่อไป
![]() |
Photo taken by Bob ออนซอนแมน |
จุดเริ่มต้นในการฟังเพลงจริงน่าจะมาจากการที่พ่อชอบเปิดเพลงจากวิทยุให้ฟังอยู่บ่อยๆ (จากที่ฟังแม่ ลุง และญาติพี่น้องเล่าให้ฟัง พ่อเป็นนักตนตรีด้วย เป็นมือกลอง) จำได้ว่าสมัยก่อนแค่เครื่องเล่นเทปนี้ก็ยากแล้วที่จะได้เป็นเจ้าของ ไม่ต้องพูดถึงว่าการจะได้เทปแต่ละม้วนเป็นยังไง จากความทรงจำลางๆ จำได้ว่าพ่อเคยซื้อเทปวง xyz ให้ช่วงเรียนประถม แล้วก็จำได้ว่าขโมยขึ้นบ้านแล้วก็เอาเครื่องเล่นเทปไป สุดท้ายก็ไม่มีเครื่องเล่นอยู่ดี โตมากับเพลงยุค พี่แจ้, พี่เบิร์ด, Royal Sprites, ฟรุ๊ตตี้, คีรีบูน, บรั่นดี, รวมดาว, สาวสาวสาว, คาราบาว ชุด made in Thailand, XYZ, พรศักดิ์ ชุด สาวจันทร์ กั้งโกบ (หมอลำล้านตลับคนแรก) อยู่ในยุคที่ฟังวิทยุเป็นหลัก จำได้ว่าเคยร้องเพลงหน้าห้องเรียนเพื่อสอบ ไม่แน่ใจว่า ป.3 หรือ ป. 4 แล้วเพลงที่ร้องเป็นของวงฟรุ๊ตตี้ ไม่เพลง "คนข้างเคียง" ก็ "นิยายรักขาดตอน"
จนเรียนมัธยมต้นที่ประทาย ก็เริ่มซื้อเทปอย่างจริงจัง ทั้งเทปที่รวมเพลงต่างประเทศที่เป็นเพลงโฆษณาที่รวมขายแบบไม่มีลิขสิทธิ์ เพลงรวมจากหนังจากละครจีน ม้วนละ 25-30 บาท หาซื้อได้ตามตลาดนัด แล้วก็เพลงยุคนั้นที่ดังๆทั้งของค่าย นิธิทัศน์ คีตา rs grammy เงินส่วนใหญ่ในการซื้อเทปก็ได้มาจากการเก็บจากเงินที่ได้ไปโรงเรียนในแต่ละวัน เทปม้วนแรกๆที่ซื้อและปัจจุบันเหลือแต่กล่องกับปกคือ ติ๊ก ชีโร่ ชุด แรก อันนี้จำได้ดี เพราะซื้อในวันแรกที่วางแผงที่ประทาย (แล้วจำได้ว่าเคยอ่านสัมภาษณ์ของติ๊ก เกี่ยวกับช่วงแรกที่อัลบั้มวางขาย ว่าขายไม่ได้ มีคนซื้อไม่กี่คนในต่างจังหวัด แต่สุดท้ายชุดนี้ก็ดังและขายดีมาก) เทปผู้หญิงม้วนแรกๆที่ซื้อคือ อ้อม สุนิสา กับ ศริสติน่า ชุดแรก เพลงแนวๆคนอื่นเขาไม่ฟังกันก็เช่น เบิร์ด กะ ฮาร์ด ชุดที่ออกกับคีตา ออโตบาห์น เกือบจะ 80 % ของเทปที่ซื้อในช่วงนี้ปัจจุบันก็ยังอยู่
ช่วงเรียนมัธยมปลายก็เริ่มฟังเพลงและซื้อเทปเพลงสากลมากขึ้น เริ่มจากเพลงเก่าๆยุค 60-70 ชอบจาก cd รวมเพลง 6 แผ่นซึ่งเป็น cover version ที่แม่ซื้อมาฝากช่วงเรียน ม. 3 ช่วงหลังก็ได้ไปตามหาเพลงต้นฉบับมาฟัง ซึ่งก็มีบางส่วนที่หาฟังได้จากบ้านลุง ช่วงนี้เริ่มซื้อ cd บ้าง แต่ไม่เยอะเพราะยังแพงอยู่ ใครอยู่ในบุรีรัมย์ตอนนั้นก็คงเป็นร้าน 357เทปทีซื้อแล้วพอนึกออกก็เช่น วงไฮดรา ซีดีที่ลงทุนซื้อหน่อยช่วงจบ ม ปลาย คงเป็น บอย โกสิยพงษ์ ชุดแรก ป้าง ชุดแรก เบิร์ด กะ ฮาร์ด ชุดด้วยใจรักจริง กับ ห่างไกล
ยุคที่ซื้อเยอะก็คงเป็นช่วงยุค alternative รุ่งเรืองช่วงปี 90 ตอนที่เรียนปริญญาตรีที่โคราช ร้านประจำร้านเดียวก็คือร้าน เปเป้ (แกย้ายร้านหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังตามไปซื้อกับแก ปีที่แล้วกลับไปก็ไปอุดหนุน แล้วก็ทำความรู้จักกันกับเฮียแกเป็นครั้งแรก พูดคุยเรื่องแผ่นเสียง และเพลงลูกกรุง) ส่วนใหญ่ก็ยังซื้อเป็นเทปอยู่ เพราะ cd ก็ยังแพงอยู่ มีความสุขกับการรออัลบั้มเพลงที่ตัวเองอยากได้ว่าจะวางแผงวันไหน บางทีก็ไปถามก่อนล่วงหน้าเป็นเดือน
ช่วงทำงานก็ยังซื้ออยู่ และน่าจะหนักขึ้นเพราะหาเงินได้แล้ว เป็นช่วงยุค mp 3 เถื่อน ซึ่งก็ซื้อของเถื่อนเยอะนะ แต่อันไหนที่ชอบก็ตามซื้อเทป ซีดี ตามกำลังทรัพย์ที่มี ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาก็เริ่มกลับมาฟังเพลงอย่างจริงๆจังๆอีกครั้ง แล้วก็เริ่มตามหาแผ่นที่เคยอยากได้สมัยที่ยังไม่มีเงินซื้อ แล้วที่สำคัญสุดน่าจะเป็นการเริ่มเล่นแผ่นเสียง ซึ่งเป็นความฝันมานานแล้วว่าอยากมี จุดเริ่มต้นมาจากการไปอังกฤษแล้วก็ไปเจอแผ่น used ในร้านพวกขายของบริจาคทั้งหลาย ไปอยู่เกือบเดือน ตอนกลับได้ซีดี กับแผ่นเสียงกลับมาเกือบสี่สิบแผ่น ซื้อโดยที่ไม่ได้มีเครื่องเล่น แผ่นแรกที่ซื้อคือ Frank Sinatra ชุด My Way กลับมาไทย ก็ศึกษาดูว่าจะซื้อเครื่องเล่นได้ที่ไหน แผ่นหาได้ที่ไหน จนได้เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องแรกยี่ห้อ BSR ในราคา 4500 บาท จากทางเว็บไซด์ แล้วก็มีลูกศิษย์ไปเจอกรุแผ่นแถวโคราชมาก็ซื้อมาฝากจำนวนหนึ่ง และก็มีโอกาสไปค้นแผ่นอยู่สองสามครั้ง จนมีคนมาเหมาไปหมด หลังจากนั้นก็เริ่มมาซื้อแผ่นทางเว็บเป็นหลัก แล้วก็เริ่มปรับปรุงพัฒนาระบบเครื่องเสียงจนได้ตัวปัจจุบัน แล้วก็เริ่มตามหาแผ่นที่อยากได้ตั้งแต่นั้นมา
พอได้มีโอกาสมาอยู่อเมริกา ก็เลยเป็นโอกาสที่ดีในการเก็บแผ่นซีดี ที่เคยอยากได้ในราคาที่ไม่แพงมาก แล้วก็มีแผ่นเสียงให้เลือกมากมายในราคาที่ไม่แพงมากไป โชคดีด้วยที่เมืองที่อยู่มีร้าน independent record store (ร้าน Oz Music) ซึ่งขาย cd แผ่นเสียง dvd หนัง หนังสือ และอุปกรณ์ในการฟังเพลง ทั้งของใหม่และของมือสอง ถึงจะรู้ช้าไปหน่อยเกือบปีว่าอยู่ไม่ไกลและเดินไปได้ แต่ปัจจุบันร้านนี้เหมือนเป็นบ้านหลังที่สองก็ว่าได้ แล้วยิ่งไปกว่านั้น การที่แผ่นเสียงเริ่มกับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ทำให้แผ่นเก่าๆหายากๆถูกผลิตออกมาใหม่เรื่อยๆ และนักร้องในปัจจุบันเองก็จะมีการออกแผ่นเสียงวางขายตามซีดีเกือบจะทุกคน ทำให้การฟังเพลงมีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น ในต่างประเทศ ปัจจุบัน เริ่มมีหลายวงออกเป็นม้วนเทปด้วย ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนกับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ครั้งหน้าจะเริ่มทยอยเล่าถึงซีดี และแผ่นเสียงที่เก็บมาเรื่อยๆให้ฟังครับ
เหมือนกับว่าเพลงจะกลับไปผลิตแบบยุคแรกเริ่มอีกครั้ง (กลับไปเริ่มจากแผ่นเสียง)
ReplyDeleteสเน่ห์ของอนาล๊อกมันมีความคลาสิคมากกว่าดิจจิตอล ^ ^
ReplyDelete